คิดให้ดี ก่อนที่จะค้ำประกันใคร

คิดให้ดี ก่อนที่จะค้ำประกันใคร

ค้ำประกันเนี๊ยะ …..คนค้ำรับเต็ม ๆ เลยนะครับ  เพราะการค้ำประกันก็คือ การนำเอาบุคคลที่มีฐานะทางการเงิน ฐานะทางสังคม หรือหน้าที่การงานที่ดีมาค้ำประกันลูกหนี้ ซึ่งอาจเป็นผู้มีฐานะด้อยกว่า ในการประกอบธุรกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องของการกู้ยืมเงิน ซึ่งคนค้ำประกันอาจจะไม่เกี่ยวข้อง หรือไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรด้วยเลยก็ได้ แต่ต้องมาร่วมรับผิดชอบกับลูกหนี้ตัวจริง เสียงจริง ถ้าลูกหนี้เบี้ยวไม่ยอมชำระหนี้ หรือลูกหนี้หนี  ลูกหนี้ล้มละลาย ลูกหนี้ตาย ผู้ค้ำประกันรับไปเต็ม ๆ เลยครับ

สัญญาค้ำประกันอ่านให้ดี     ก่อนที่จะลงลายมือชื่อเพื่อค้ำประกันให้ใครก็ตาม ต้องตระหนักไว้เลยครับว่า ส่วนใหญ่สัญญาค้ำประกันมักจะร่างโดยเจ้าหนี้ และมักจะระบุให้ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบอย่างลูกหนี้ร่วม หมายถึงว่า เราต้องรับผิดชอบเต็ม ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่กำหนดวงเงินค้ำประกันไว้ หรือกำหนดไว้ก็เท่ากับจำนวนเงินที่ลูกหนี้กู้ไป แน่นอนครับว่า ความรับผิดชอบของผู้ค้ำประกันไม่ต่างจากลูหนี้ 

ยังต้องรับผิดชอบอย่างอื่นอีก   การค้ำประกันเนี่ย เหมือนกับภาษิตโบราณว่าไว้จริง ๆ ครับว่า เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง ยังต้องเอากระดูกมาแขวนคออีก…..ใช่! เลยครับ เพราะความรับผิดชอบของผู้คำประกันไม่ได้หยุดแค่วงเงินที่กู้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าทนายความ ค่าใช้จ่ายในการทวงถาม ค่าดำเนินการ รวมทั้งค่าเสียหายที่เกิดจากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ด้วย แปลเป็นไทยก็คือ คนค้ำประกันจะต้องรับผิดชอบอย่างไม่จำกัดวงเงิน และส่วนมากก็ยังมีเงื่อนไขไม่ให้ผู้ค้ำประกันยกเลิก สัญญาก่อนอีกด้วย

เมื่อค้ำประกันไว้อย่างไร…..ก็ต้องรับผิดชอบตามนั้น  เรื่องการค้ำประกันคนเข้าทำงานก็เหมือนกับค้ำประกันอื่น ๆ คือต้องปฎิบัติตามสัญญาครับ โดยปกติจะเป็นความรับผิดชอบต่อการกระทำของบุคคลที่เราค้ำประกันไว้ ซึ่งไปสร้างความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับหน่วยงาน หรือแม้แต่การฉ้อโกง การยักยอกทรัพย์ ของบริษัทที่ไปค้ำประกันไว้ยอมชดใช้แทนลูกจ้างจนครบถ้วน 

          ถึงแม้ว่า..เรื่องการค้ำประกันควรต้องหลีกเลี่ยง แต่ถ้าหากว่าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ เช่น ต้องไปค้ำประกัน คนในครอบครัว หรือญาติสนิท ก็ต้องอ่านสัญญาค้ำประกันให้ละเอียดก่อนลงลายมือชื่อ มิฉะนั้นอาจต้องปวดกระดองใจ แถมยังส่งต่อภาระการค้ำประกันไปถึงลูกเมียของตัวเองด้วย ระวังให้ดี.